ภายหลังจากสงครามระหว่างฝรั่งเศสและปรัสเซียสิ้นสุดลงในเดือนมกราคม
1871 โมเน่ท์ ซึ่งขณะนั้นหนีภัยสงครามและการเป็นทหารไปอยู่ที่อังกฤษ ก็เดินทางกลับสู่ฝรั่งเศสด้วยหัวใจที่พองโต
ยิ่งเมื่อได้ทราบข่าวว่า ภรรยาของเขา คามีย์ และชอง ลูกชาย ยังมีชีวิตอยู่
รวมทั้งเพื่อนฝูงที่เป็นศิลปินต่างก็สามารถมีชีวิตรอดปลอดภัยมาได้ ยกเว้นบาซีย์คนเดียวที่ต้องตายไปในระหว่างสงคราม
ซึ่งทำให้โมน่ท์รู้สึกหดหู่ หากทว่าเขาก็มีกำลังใจที่กลับมาเขียนรูปอีกครั้ง
เมื่อกลับถึงฝรั่งเศส
โมเน่ท์ก็พาภรรยาและลูกชายไปพำนักอยู่ที่ อาร์คชองเตอญ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงปารีสไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ
20 ไมล์ หรือถ้าขึ้นรถไฟก็ใช้เวลาเพียง 20 นาที อาร์คชองเตอญ เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
เป็นเมืองที่มีทั้งบรรยากาศของความเก่าแก่ อย่างเช่น ปราสาท ราชวัง โบสถ์และบ้านเรือนโบราณ
ขณะเดียวกันอาร์คชองเตอญ ก็พัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นเมืองอุตสาหกรรม พร้อมกับที่ยังคงรักษาความเป็นเมืองเกษตรไว้อย่างกลมกลืน
อาร์คชองเตอญเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการผลิตไวน์ และแอสพารากัสของอาร์คชองเตอญก็มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือว่ากรอบและหวานอร่อยเป็นที่สุด
สภาพชีวิตของผู้คนที่สดชื่นมีชีวิตชีวาภายหลังสงคราม
และฝรั่งเศสเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นสาธารณรัฐ ทำให้โมเน่ท์ทำงานศิลปะของเขาได้อย่างเบิกบานใจที่สุด
วิถีชีวิตของผู้คนในอาร์คชองเตอญที่เต็มไปด้วยสีสัน ภาพของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำเซน
ภาพของรถไฟที่วิ่งผ่านสะพานเหล็ก ตลอดจนตลาดสดที่เต็มไปด้วยผักสดและผลไม้
ทำให้โมเน่ห์ปรารถนาที่จะถ่ายทอดภาพชีวิตสามัญเหล่านั้นไว้บนผืนผ้าใบ นอกจากนี้เขายังหลงใหลทัศนียภาพของแม่น้ำเซน
รวมทั้งผู้คนที่พูดคุยหยอกล้อกันอยู่บนเรือที่พายผ่านไปมา
ด้วยระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียว
โมเน่ท์เขียนภาพของอาร์คชองเตอญได้ถึง 60 ภาพ ยิ่งไปกว่านี้โมเน่ท์ยังมีความประสงค์ที่จะวาดภาพทัศนียภาพ
ของแม่น้ำเซนที่เขาหลงใหลด้วยต่อเรือขึ้นมาลำหนึ่ง เพื่อเขียนภาพของแม่น้ำเซนโดยเฉพาะ
ด้วยความอนุเคราะห์ของ
คายเยอบอตต์ วิศวกรผู้ซึ่งชื่นชมภาพเขียนของโมเน่ท์เป็นอย่างมาก studio boat
ของโมเน่ท์จึงสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เขาต้องการ และโมเน่ท์ก็ใช้ studio
boat แห่งนี้เป็นห้องเรียน เพื่อศึกษาถึงประกายแดดที่สะท้อนลงบนผิวน้ำ และฝึกฝนการเขียนภาพแม่น้ำอย่างจริงจัง
โมเน่ท์ถ่อเรือของเขาไปตลอดสองฝั่งแม่น้ำเซน
เพื่อเขียนรูปในแบบที่เขาต้องการ และ studio boat ก็เป็นแหล่งกำเนิดของภาพเขียนหลายต่อหลายภาพของโมเน่ท์
ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของอาร์คชองเตอญ เมืองซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์
ภาพเขียนที่ชื่อ
The Road Bridge of Argenteuil และ The Promanade of Argenteuil รวมทั้ง
Studio Boat ของเขา คือภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีความเป็นอยู่ที่งดงามของผู้คนในช่วงปลายศตวรรษที่
19 ของฝรั่งเศส
และที่
studio boat แห่งนี้อีกเช่นกัน ที่เป็นศูนย์รวมของบรรดาศิลปินอิมเพราสชั่นหัวก้าวหน้า
อย่าง เซซานน์ ปิซาร์โร ซิสเล่ย์ และเรอนัวร์ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ก็ฝากภาพแห่งความประทับใจ
ณเมือง อาร์คชองเตอญไว้อย่างมากมายเช่นกัน
นั่นคือเรื่องราวของ
studio boat สตูดิโอลอยน้ำของศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งฉันค้นพบโดยบังเอิญขณะที่กำลังเขียนเรื่องของคามีย์
ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของโมน่ท์