น้ำ เส้น สี
        ภาพเขียนชีวิต เป้ สีน้ำ

พอเพียง ค้นพบ ภาพเขียนชีวิต เป้ สีน้ำ
       กินอยู่อย่างพอเพียง เลี้ยงชีพด้วยความฝัน และมีความมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตเพื่อแทนคุณธรรมชาติ คือภาพที่เห็นชัดเจนที่สุด ตัวตนของ เป้ สีน้ำ ในวันนี้
        โดยปกติ ถ้าไม่มีอะไรแทรก ก็ตื่นแต่เช้าออกไปยืดเส้น ยืดสายดูทุ่งนา ตื่นมากินน้ำส้มคั้น มันกินจนชินแล้ว ก็ดูแลสุขภาพออกกำลังกายตามปกติ ทำกับข้าวกิน พยายามกินข้าวไม่เกินสิบโมง แล้วก็สิบโมงครึ่ง กินกาแฟสักแก้วก็ลงมือทำงาน พักกินข้าวตอนเที่ยงบ่ายก็ทำงาน แล้วแต่ว่าทำงานอะไร ทำงานวาดรูปก็วาดทั้งวัน ถ้าไม่มีอะไรทำงานเอกสาร มีอะไรก่อนก็ทำก่อน อยากวาดรูปทุกวัน แต่ชีวิตไม่ได้ทำแบบนั้นได้ตลอด แต่ก็จะทำยาว วาดรูปก็วาดไปเลย 3 เดือน หรือเดือนหน้าก็จะทำงานเพลงอย่างเดียว

        เป็นอีกหนึ่งของศิลปินที่ยึดหลักการใช้ชีวิตตามกระแสพระราชดำรัส ความพอเพียง

        จริงๆ โลกเปลี่ยนไปตามกระแสฝั่งตะวันออก ฝั่งตะวันตกมีอิทธิพลกว่าฝั่งตะวันออกด้วยหลายๆ เหตุผล เลยเป็นแรงเหวี่ยงให้โลกหมุนไปอย่างบิดเบี้ยว เพราะมันขาดสมดุล แล้วโลกก็จะไม่น่าอยู่ ก็รุนแรงอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ และเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องหมุนไปตามแรงเหวี่ยงของโลกที่ไม่สมดุล ตรงนี้เป็นพระราชดำรัสที่เป็นปรัชญาอันสูงส่งและเป็นอมตะ นี่คืออัจฉริยภาพอันสูงสุดของพระมหากษัตริย์ไทยที่พบปรัชญานี้และบอกสู่โลก เพราะถ้าโลกหันมาเข้าใจความพอเพียง โลกจะสงบสุขและมีสันติภาพ

        ...คนได้เปรียบเสียเปรียบไม่เท่ากัน และความไม่เท่าเทียมกันนี่แหละทำให้โลกหมุนอย่างเบี้ยวๆ มันไม่ได้หมุนเหมือนลูกข่างกลมๆ ที่มีจุดศูนย์กลางที่เสถียร แต่การอยู่แบบพอเพียงในพระราชดำรัสที่ผมตีความได้และเข้าใจ มันไม่ใช่แค่ภาพของเศรษฐกิจ มันรวมถึงประเพณี ศิลปวัฒนธรรมมันเป็นรวมไปทั้งหมดทั้งองค์ประกอบของชีวิต และมันก็นำพาคนไปสู่ความสุข สงบที่แท้จริงได้ และไม่เบียดเบียนกัน เมื่อไม่เบียดเบียน ทุกคนก็ไว้วางใจต่อกันเมื่อไว้วางใจกันทุกอย่างก็ดีงามขึ้น เมื่อคนไม่เบียดเบียนกัน ไว้ใจกัน โลกก็ไม่แก่งแย่ง คนก็จะมีความเสมอภาคเกิดขึ้น มันต้องใช้เวลาแต่จริงๆ มันไม่ใช่ของใหม่มันมีอยู่แล้ว มีอยู่แต่ไม่รู้ว่ามี ดีไม่รู้ว่าดี มันก็ย่อมพรากจากสิ่งที่เราไม่รู้ว่ามีไม่รู้ว่าดี

        แม้ความกินดีอยู่ดีอาจสวนทางกับโลกของการทำงานศิลปะบ้าง แต่นั่นก็แลกมาซึ่งความแข็งแกร่งในการที่จะรู้จุดยืนในการทำงานศิลปะสำหรับ เป้ สีน้ำ

        งานศิลปะไม่ได้ขายเหมือนเซเว่นอีเลฟเว่น ปีหนึ่งจะขายกี่ครั้งก็ไม่รู้ และระหว่างนั้นเราจะอยู่อย่างไร นกมันยังบินไปจิกหนอนได้ เราก็ต้องดูแลระบบเศรษฐกิจที่ทำให้เราอยู่ได้ มีอุปกรณ์ มีตำราดีๆ มีเสื้อผ้า องค์ประกอบชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไปในการมีชีวิต แต่วิธีการหามันแตกต่าง เลยทำให้อยู่ยาก และศิลปินก็ยอมอดตายเสียดีกว่าที่จะแบมือขอใคร อันนี้ก็เป็นเรื่องยากยอมรับ เราก็ต้องปรับตัวเคลื่อนไหว โชคชะตาส่วนหนึ่ง ตัวเราส่วนหนึ่ง

        ...เป้ สีน้ำ ไม่ได้อยู่ด้วยการขายงาน และไม่ค่อยขาย เก็บไว้ดูก่อน ไม่ใช่มีความโลภนะ จะขายเมื่อคนอยากได้จริงๆ เวลาขายก็ภูมิใจและดีใจ และเสียดายขณะเดียวกัน ก็ภูมิใจแต่ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาจะเขียนเพื่อขาย เราจึงต้องทำอะไรเพื่อมารองรับ เมื่อก่อนเล่นดนตรีหารายได้เรียนศิลปะ หลังจากนั้นเราก็มีรายได้จากหนังสือต่อปี ได้ค่าลิขสิทธิ์ใช้ดีๆ ก็อยู่ได้ ถูกเชิญไปเป็นวิทยากร เขียนภาพประกอบ เขียนบทความก็ต่อลมหายใจไป เคยทำงานบริษัทเป็นกราฟฟิคดีไซน์ จนตอนหลังทำงานสอนเป็นครู ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยงานสอน ในบทบาทของการเป็นครู และเราก็มีบทบาทเป็นศิลปินที่จะสร้างงานต่อไป งานสอนผสมผสานกันไป เป็นจังหวะของมัน มันก็พอประคองไปได้อย่างราบเรียบ ถ้าเป็นเรือก็ไม่ได้ติดเครื่องยนต์แรงไปเรื่อยๆ

        ...มันต้องยอมรับได้ เรามีหนึ่งพันบาทต้องรู้ว่าจะใช้อย่างไร มีหนึ่งล้านจะใช้อย่างไร ไม่ใช่ว่ามีเงินใช้ไม่ถูก ใช้ไม่เป็น เราเห็นคุณค่าในเงินตราเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่จะมีชีวิต ไม่ได้อยู่เพื่อสะสม เราใช้แลกในสิ่งที่เราต้องการจะได้มา ใช้แลกสี แลกพู่กัน แลกในสิ่งที่มันจำเป็นจริงๆ

หาก เป้ สีน้ำ เป็นต้นแบบเรามองภาพเขาได้แบบไหน

        ขอให้มองความเรียบง่าย อดทน ว่ามันไม่เลิกนะ อยากจะมีเรือกว่าจะมีเรือ มันยาวนานมาก กว่าจะหาแผ่นดินซุกหัวนอน มันยาวนานและไม่เคยเปลี่ยนความคิด เราเป็นคนลักษณะอย่างนี้ รอได้สิ่งที่พี่ต้องการพี่รอได้ เคยรอคอยนัดหมายคนรักแล้วรอคอยเป็นวันๆ ได้ มีศิลปะในการรอคอย มีความอดทนและเรียบง่ายไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ พี่ไม่ใช่ชอบของไม่มีคุณภาพ แต่เราไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ ถ้าเราปรารถนาสิ่งนั้น เราตั้งความปารถนาไว้ในใจแล้วรอคอย ในขณะที่เรารอคอย เราก็ทำอะไรไปด้วยนะ ไม่ได้รอคอยอย่างไร้สาระ

[1] [2] [3] [4] 5 [6]