น้ำ เส้น สี
        ภาพเขียนชีวิต เป้ สีน้ำ

เส้น: ร่างเส้นงาน...ลากทางชีวิต

         ต่างชีวิตต้องผันไปตามสิ่งที่เจ้าของชีวิตใช้นำทาง คนรักในกลิ่นสีและปลายพู่กันให้คำตอบว่า ชีวิตของเขาคือความเคลื่อนไหว และแรงบันดาลใจสำคัญกว่าครรลองสังคม ชีวิตมันดำเนินไปตามแรงบันดาลใจ ไม่ได้ดำเนินชีวิตไปตามครรลองของสังคมที่เขาบอกว่ามันควรจะเป็น ดันทุรังด้วยซ้ำที่จะดำเนินชีวิตแบบนี้ แต่มันเป็นความฝันที่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง ก็ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา เรามีการงานเป็นครรลอง ไม่ได้มีสังคมเป็นครรลอง

        ...เรามีอิสรภาพเท่าที่เวลาดวงอาทิตย์มี ทุกคนสามารถทำได้ ถ้าไม่มีข้ออ้างต้องทำสิ่งนั้นก่อน สิ่งนี้ก่อน แล้วค่อยไปทำที่ฝันใฝ่ ทุกคนมีเงื่อนไขข้อแม้แต่ลืมไปว่าเวลาไม่รอ วารีไม่คอยท่า มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ความฝันไม่รอก็หายไป พอหายไปชีวิตก็แห้งแล้ง อยู่อย่างไม่มีฝัน จะมีชีวิตอยู่ทำไม อยู่เพื่อเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ ทำไปตามหน้าที่เหรอ ชีวิตไม่ได้มีความหมายแบบนั้นตามความหมายของเรา

        เหมือนเราอยากรู้ว่าชีวิตคืออะไร ความรักคืออะไร เราเกิดมาทำไม ตอบกันให้ตายก็ตอบไม่ได้ ต้องถามว่ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร แล้วอยู่อย่างไรเพื่อจะสร้างคุณค่าให้กับโลกที่เรากินอยู่ คนส่วนใหญ่สร้างภาระไว้ให้กับโลก เราเองก็เช่นกันแต่ถ้าเราสำนึกก็ยังดีกว่าสร้างภาระโดยไม่รู้สึกตัว จิตใจคนก็รุนแรงขึ้นทุกวัน ถ้าเราไม่สำนึก แต่ถ้าเราสำนึก อยู่แบบคนโบราณจะทำพิธีต้องไหว้พระแม่โพสพ ระลึกถึงแม่น้ำรู้คุณพระแม่คงคา ถ้าเราอยู่ร่วมกันแบบนั้นเราก็จะอยู่ร่วมกันแบบมีความสุข

         ...ชีวิตคือคือการเคลื่อนไหว ไม่ใช่ว่าเราหมดลมหายใจคือเราตาย บางทีเราจมอยู่กับความคิดเก่าๆ ความคิดเราก็เน่าเหมือนกับแม่น้ำที่ไม่ไหล แบบนั้นไม่มีประโยชน์ เป็นความคิดที่ตายแล้ว ชีวิตคือการเคลื่อนไหว สำคัญคือเคลื่อนไหวอย่างไร เคลื่อนไหวไปตามฤดูกาลสิ่งต่างๆ ถ้าเราไม่เคลื่อนไหวตามก็ตาย การงานก็เช่นเดียวกันต้องเคลื่อนไหว โดยเฉพาะงานศิลปะ เราก็ไม่ได้หยุดนิ่ง

         ...ทีนี้งานเคลื่อนไหวอย่างไร ถ้าเราเคลื่อนไหวด้วยความโลภ ความหลงที่ไม่รู้ว่าหลง เราก็จะไปพบจุดจบหรือเราอาจจะผิดทาง โลภ เขียนแบบไหนคนชอบ ขายได้ ถ้าเราเคลื่อนไหวการงานแบบนั้น เราก็มุ่งสู่หุบเหว ซึ่งเราก็ไม่โง่ที่จะเคลื่อนไหวแบบนั้น เราเคลื่อนไหวไปตามความจริง สิ่งใดที่ทำให้เราเคลื่อนไหวไปตามความจริงได้ ก็คือการขัดเกลาจิตใจอยู่ตลอดเวลา มันทำให้เรารู้ว่าเราจะเคลื่อนไหวอย่างไร บางครั้งเร็ว บางครั้งช้า ไม่มีกฎตายตัว สีก็เหมือนกันเหมือนอ่อน แก่ เข้ม มีหวาน เผ็ด นี่คือความเคลื่อนไหวของรส เราบอกได้เลยชีวิตคือการเคลื่อนไหว แต่เราไม่ได้อวดรู้นะ แต่ธรรมชาติสอนให้เราคิดแบบนี้ ซึ่งผู้อ่านอาจคิดได้มากกว่านี้ มันก็เป็นสิ่งดีนะ แต่ถ้าถามเราตอนนี้ เราก็คิดได้แบบนี้ และเราจะเข้าใจชีวิตเมื่อเราสังเกตชีวิต ไม่ได้ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เราจะเข้าใจชีวิตเมื่อเราสำรวจตรวจสอบชีวิตไปตลอดเวลา และไม่ใช่การที่คิดออก เจอคำตอบแล้วจบ เพราะชีวิตคือความเคลื่อนไหวที่เราจะต้องทำความเข้าใจทุกวัน

ถามถึงชีวิตวันนี้ของ เป้ สีน้ำ

          ชีวิตตอนนี้เราได้อยู่กับสิ่งที่เราฝันและเราพยายาม เรือก็ได้มาจอดอยู่ตรงท่า โรงเรียนธรรมชาติบ้านริมน้ำก่อขึ้นเป็นรูปธรรม ชีวิตในช่วง 40 ปี เราเป็นรูปธรรมขึ้นมา ไม่เพียงความคิดที่ฟังดูดีแต่มันทำออกมาเป็นรูปธรรม และเราทำขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้อื่น นั่นหมายความว่าเรามีประโยชน์ สิ่งใดที่เราจะเอื้อประโยชน์นั่นก็คือสิ่งที่เรารู้ เราเป็น จะทำมันได้โดยไม่ฝืน เราพบและเราถ่ายทอดสิ่งนั้นกับคนรุ่นหลังกับคนที่สนใจ เพราะพบปรัชญาศิลปะ เราก็บอกเราพบขั้นตอนในการทำงานศิลปะ เราก็บอกต้องไม่ให้เด็กรุ่นหลังไปเสียเวลาเข้าใจผิดๆ และเราก็สอนให้เขาสามารถไปถ่ายทอดต่อ โลกจะได้เคลื่อนไหวสู่ความเจริญที่ไม่งมโข่ง ซึ่งตรงนี้เราก็อาจมีจิตวิญญาณของครู เพราะเราเกิดมาในครอบครัวของพ่อแม่ที่เป็นครู เราก็อยากถ่ายทอดในสิ่งที่เรามีแบบไม่เก็บไว้เลย ไม่ใช่สูตรข้าวขาหมูที่ไม่บอกใคร ยิ่งคนมีสูตรเด็ดเคล็ดลับมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ดีนะสิ คนจะได้เสพศิลปะกัน โดยถ้วนหน้าไม่ต้องรอดูจากใครคนหนึ่งเราคิดแบบนั้น

        ในความเป็นครู คือการถ่ายทอดให้ศิลปะมีตัวตนอยู่ในใจลูกศิษย์ ในความเป็นศิลปินคือการสร้างงานเพื่อละลายตัวตน

        ทำงานศิลปะให้มันขัดเกลาจิตใจตนเองเมื่อมันขัดเกลาตัวเองได้แล้ว ก็เชื่อว่าจะขัดเกลาใจคนอื่นได้ เราทำงานเพื่อแสวงหาสัจจะ ไม่ใช่การทำงานที่แสวงหาตัวตนว่าข้าพเจ้าคือใคร แต่เราทำงานเพื่อสลายตัวตนไปกับน้ำ กับลม กับดิน กับธรรมชาติ เพื่อให้รับรู้ว่าเราเป็นธุลีเดียวเท่านั้น จุดสิ้นสุดนั้นต่างหากที่เราแสวงหา การหลุดพ้นไปจากตัวตน งานของเราจะบริสุทธิ์ผ่องใส ทำให้ผู้คนหลอมละลายตัวตนลงเสียมั่ง เพื่อให้หลอมไปกับต้นไม้ แม่น้ำ

        ..เรามีพื้นฐานมาจากธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นต้นแบบ เป็นครูของเรา เพราะฉะนั้นเราไม่คิดอะไรไปเกินกว่าความเป็นธรรมชาติ ทำให้เราเดินไปบนสัจจะ มันทำให้เราค้นพบทางของพระพุทธเจ้าโดยไม่ต้องนั่งสมาธิ มันทำให้เราพบทางที่ทำให้เราเข้าใจมนุษย์ด้วยกัน ทำให้เรารู้จักความโกรธ ความหลง ความโลภ มันทำให้เราพบว่าคนอื่นก็เป็นเช่นเดียวกับเรา เราก็เป็นเช่นเดียวกับคนอื่นไม่แยกหญิง ไม่แยกชาย ไม่บ่งเพศ โลภ โกรธ หลงมีอยู่ในมนุษย์ แม้ในสัตว์

 

              [1] [2] 3 [4] [5] [6]