น้ำ เส้น สี
        ภาพเขียนชีวิต เป้ สีน้ำ

        ผมมองแม่น้ำจากความเป็นจริง และอาลัยที่มันจะหายไปเรื่อยๆ คือคนที่ไม่เคยเห็นแม่น้ำใสๆ สวยๆ อาจจะไม่อาลัย เหมือนกับคนที่ไม่เคยเห็นโลกที่ศิวิไลซ์ด้วยน้ำใจ เราไม่เสียดาย เมื่อวัตถุนิยมเข้ามา ผมเห็นน้ำในวันที่แม่น้ำมันสวย แปรงฟันในน้ำที่มันใสสะอาดประหนึ่งกับน้ำในลำธารกลางป่า พูดไปแล้วเด็กรุ่นใหม่อาจจะมองไม่เห็นภาพว่าน้ำมันใสได้ขนาดนั้น แต่สมัยผมเด็กๆ เป็นแบบนั้นจริง น้ำใสสะอาดอาบ กิน ดื่มได้จริงๆ ปลาชุม นำความสุขสดชื่นมาให้

          ผมไม่ใช่นักอนุรักษ์และไม่มีกำลังพอที่จะยึดเหนี่ยวไว้ให้แม่น้ำยังคงสวยงามอยู่ อย่างน้อยทำให้มันคงอยู่ไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้ก็ไม่อาจทำได้ เพราะรัฐบาลไม่มองแม่น้ำอย่างจิตรกรมอง ชาวไร่ ชาวนาไม่ได้มองแม่น้ำอย่างศิลปินเห็น เขาเห็นว่ามันเป็นของใช้ ทุกคนใช้ แต่ไม่มีใครใส่ใจ เราเป็นเพียงจิตรกรที่มีเพียงสองมือ และบันทึกความงามที่ยังพบ บันทึกให้เด็กรุ่นหลังได้ดูว่าแม่น้ำสวยงามขนาดนี้เชียวเหรอ เหมือนสัตว์ป่าหายากต้องไปดูในภาพ

 

        

..เราหวัง แต่เราหวังโดยจะกรอกหูหรือถูกบังคับไม่ได้ เพราะจิตสำนึกต้องถูกปลูกฝังมาอย่างเป็นกระบวนการ ต้องถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เยาว์วัยทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนโยบาย ฝ่ายศึกษา เศรษฐศาสตร์ องค์ประกอบหลายอย่างมันจะสร้างจิตสำนึกได้ ที่จิตกรทำได้คืองานศิลปะ

         ถามถึงการเดินทางเข้าใกล้สิ่งที่รัก ทำให้ได้พบกับมุมมองที่เปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร เรากลับได้คำตอบสะท้อนความเป็นตัวตนของคนทำงานศิลปะได้อีกหนึ่งมุม

          ข้อดีของผมคือไม่ได้ปักใจไปตามทางสายน้ำว่าจะเห็นอะไร สวยก็สวย ไม่เคยที่ว่าเห็นวันก่อนสวยทำไมวันนี้ไม่สวย ถ้าเราไปแบบคนขี้บ่นมันไม่ได้ เพราะคนทั้งโลกแหละช่วยทำให้เราหงุดหงิด สภาวะสังคม ระบบการปกครองทำให้เราหงุดหงิด ไม่มีใครรักษาแม่น้ำเพื่อให้เราวาดรูปเลยแม้แต่ชาวบ้าน ถ้าเราคิดแบบนั้นเราจะหมดแรงบันดาลใจทันที ถ้าบ้านหลังนี้เอากระเบื้องสีน้ำเงิน สีแดง ไม่สวยเลยไปหาบ้านใบจากดีกว่า เราก็ใช้วิธีแบบนั้น มันก็มีมุมตลอดแม่น้ำทั้งสายทั้งสวยและไม่สวย มันทำให้เราเข้าใจมนุษย์ ท่าน้ำบอกนิสัยใจคอของเจ้าของบ้านได้ มันสวยก็อดใจไม่ได้หรอกถ้าพบความงาม ต้องทิ้งสมอจอดเรือ เพราะความงามไม่คงที่และมันไม่ได้อยู่รอ บางทีวาดยังไม่เสร็จมันก็ไปแล้วความงาม ต้องฉกฉวยเอาไว้ให้เร็วที่สุด มันถึงมีลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์ต้องฉกฉวยเอาไว้

        มองความงามของแม่น้ำตามจริงเช่นเดียวกับความไม่ยึดติดในอาณาเขตที่เป็นที่รัก

        เรามีชีวิตอยู่เพียงชั่วยามหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรที่เป็นของเรา ถ้าเราไม่คิดแบบนี้เราทำงานศิลปะไม่ได้หรอก มันจะยึดติด ถึงแม้เคยเป็นของเรา มันก็อาจจะไม่ได้เป็นของเราในวันหนึ่งตามชีวิตที่ผกผัน หรือไม่ในวันหนึ่งเราอาจจะไม่ได้อยู่เป็นเจ้าของมันก็ได้  เพราะชีวิตสั้น ผมค่อนข้างจะเข้าใจข้อนี้และปล่อยวางและทำงานให้มากที่สุด สิ่งที่เป็นของเราจริงๆ คืองานศิลปะ ตอนนี้องค์ประกอบหลายๆ อย่างมันทำให้เราพร้อมที่จะทำงาน และที่สำคัญเราก็ต้องเผื่อประโยชน์ให้คนอื่นด้วย เราได้รับประโยชน์มา เราก็ต้องเผื่อคนอื่นด้วยเหมือนไม้ผลัด

เรียกได้ว่าที่นี่เป็นอาณาจักรที่สุดท้ายหรือเปล่า

        อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ว่าวันข้างหน้าไม่อยากคาดเดา ยังมาไม่ถึง ชายผู้ศรัทธาสายน้ำตอบคำถาม วาระแห่งหัวข้อสนทนาถึงชีวิตจึงเริ่มต้น<

[1] 2 [3] [4] [5] [6]