ชีวิตที่เดินตามเข็มนาฬิกา
ของ"เป้ สีน้ำ"






(บทสัมภาษณ์)
เรื่อง:ศุภรา กันตะพัฒนะ
ภาพ:สิปปวิชญ์ เมธสุทธิ์
นิตยสาร ชีวจิต -1มี.ค.50

     "คำว่า 'สมดุล'เป็นเพียง 2 พยางค์สั้นๆก็จริง แต่ต้องประกอบด้วย แทบทุกเรื่องในชีวิต และนอกจากสร้างสมดุลให้ตัวเองแล้ว เราต้องเรียนรู้ ที่จะรักษาสมดุลนั้นให้คงอยู่ต่อไปด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องคอยปรับตัวอยู่ ตลอดเวลา"

    ระหว่างที่ดิฉันทบทวนข้อความนี้ซ้ำไปซ้ำมา ใจก็นึกย้อนไปถึงบ่าย วันนั้น หลังจากรถตู้ของเราเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ไปจอดสนิทในอาณาบริเวณ ส่วนตัวของใครคนหนึ่ง

    หลังจากยืนชื่นชมแม่น้ำท่าจีนอันเย็นฉ่ำและไหลเอื่อยแล้ว ดิฉันและ ช่างภาพจึงเดินเข้าไปรอแขกคนพิเศษของเราที่นอกชาน บ้านไม้ที่ให้ความ รู้สึกร่มเย็นไม่แพ้กัน และไม่นานนัก คุณอรรณพ สีสัจจา หรือที่รู้จักกันในนาม เป้ สีน้ำ เจ้าของบ้านผู้มีบุคลิกสงบเยือกเย็นไม่แพ้กับสายน้ำเบื้องหน้าก็มาถึง การสัมภาษณ์จึงเริ่มต้น

    "วิธีการดูสุขภาพของผมคือ พยายามดูแลสุขภาพตามนาฬิกาชีวิต ซึ่งหมายถึงระบบการทำงานของร่างกายเราที่จะทำงานเป็นเวลา หากเรา รักษาสมดุลของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเป็นระบบแล้ว สุขภาพเราจะดีขึ้น หรืออย่างน้อยก็ไม่เจ็บป่วย"

    "เริ่มแรกสิ่งที่สำคัญมาก คือ การตื่นเช้า ไม่อย่างนั้นระบบอื่นๆก็จะเคลื่อน ตามไปหมด"

     "หลังจากตื่น ผมมักออกไปเดินยืดเส้นยืดสาย หรือออกกำลังกายบ้าง บาง วันก็ปั่นจักรยานออกไปซื้อน้ำเต้าหู้ที่ร้านประจำซึ่งอยู่ไกลออกไป 4 กิโลเมตร และ หลังจากกินน้ำเต้าหู้แล้ว ผมจะออกไปว่ายน้ำ เสร็จแล้วก็มากินข้าว จะพยายาม ไม่ให้เลยเวลาเก้าโมงเช้า"

     "พอสิบโมงก็เริ่มทำงานเอกสารและงานเขียนไปจนถึงเที่ยงก็ได้เวลากินข้าว อีกครั้ง และเริ่มงานใหม่ในตอนบ่าย ทำงานไปจนถึงบ่ายสามโมงก็เป็นเวลาที่ผม เริ่มวาดรูป เพราะเป็นช่วงที่องศาของแดดกำลังดี ผมจะวาดรูปไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง เกือบหกโมงเย็น ช่วงนั้นร่างกายควรได้เคลื่อนไหว ผมจึงวางมือจากงานไปปั่น จักรยาน ทำอะไรอีกนิดหน่อย และนอนให้ตรงเวลา ที่เหลือค่อยว่ากันต่อพรุ่งนี้"

    แม้ฟังดูชัดเจนเป็นขั้นตอน แต่อดสงสัยไม่ได้ว่า สำหรับคนทำงานศิลปะแล้ว สามารถกำหนดเวลาให้ตนเองได้ชัดเจนอย่างนั้นเชียวหรือ

    "เป็นธรรมดาของบางงานที่ความคิดมากระจ่างเอาในเวลาดึก ซึ่งถ้าจำเป็นเรา ก็สามารถโอนอ่อนได้บ้าง แต่ถ้าทำได้จะเอาแค่พอดี เพราะเราไม่เหมือนเมื่อก่อนนี้ ที่ไม่ว่าจะโหมงานหนักเท่าไรก็ไม่รู้สึกว่าร่างกายสึกหรอ เดี๋ยวนี้พออายุมากขึ้น เมื่อ ถึงเวลาพักก็ต้องพอ เราเห็นความจำเป็นที่ต้องดูแลสุขภาพไว้ก่อน เพราะหากร่าง กายไม่พร้อมคงไม่สามารถไปทำอะไรที่อยากทำได้"

     เมื่อถามถึงสิ่งที่วางแผนจะทำต่อไป คุณเป้เล่าถึงโครงการที่ทำอยู่ให้เราฟังว่า "ตลอดเวลาที่อยู่ในสังคม เราได้รับสิ่งดีๆจากสังคมในทุกด้าน ตอนนี้จึงอยากคืน สิ่งดีกลับคืนสู่สังคมบ้าง ด้วยการก่อตั้ง 'โรงเรียนธรรมชาติบ้านริมน้ำ' และ'หอศิลป์ สีน้ำ'ขึ้นที่นี่ ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจาก คุณชัยณรงค์ ศรีเฟื่องฟุ้ง เป็นอย่างดี กลุ่ม เป้าหมายของผมเป็นเยาวชน โดยเฉพาะเยาวชนในท้องถิ่น ผมเองเป็นเด็กบ้านนอก มาก่อน เข้าใจดีว่าพวกเขาขาดแคลนทั้งครูและแหล่งความรู้ทางศิลปะ ต่างจากเด็ก ที่อยู่ในเมืองมาก เมื่อมีโอกาสที่จะทำได้ ผมก็อยากเข้าไปจุดประกายให้พวกเขา เหมือน ที่ครั้งหนึ่งเคยมีครูมาจุดประกายให้เรา ให้ความรู้จนผมมีวันนี้

    สำหรับงานเปิดหอศิลป์สีน้ำและโรงเรียนธรรมชาติบ้านริมน้ำของคุณเป้ สีน้ำ ได้ จัดอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งในงานก็ได้รับเกียรติจาก ศิลปินที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานมากมาย

    "ผมว่า ถึงแม้เราไม่ได้ไปทำบุญที่วัด แต่การที่เรานำวิชาความรู้ไปถ่ายทอดให้กับ คนอื่น โดยเฉพาะเด็กรุ่นหลัง ก็ถือเป็นการสร้างสมดุลให้ชีวิตที่ดีอย่างหนึ่งเหมือนกัน นะครับ"

     ดังนั้น หลังจากฟังเสียงนาฬิกาในร่างกายตัวเองแล้ว อย่าลืมฟังเสียงจากรอบตัว เราดูบ้างนะคะ